“คำเทศนาวันอาทิตย์อีสเตอร์...พบความหวังในพระคริสต์”

Holy Week  •  Sermon  •  Submitted   •  Presented
0 ratings
· 896 views
Notes
Transcript
“คำเทศนาวันอาทิตย์อีสเตอร์...พบความหวังในพระคริสต์”
ยอห์น 20:1-18
คริสตจักรไคร้สตเชิช กรุงเทพ
วันอาทิตย์ที่ 9 เมษายน 2023
[Slide 1]
พระเจ้าสถิตกับท่าน [และสถิตกับท่านด้วย]
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับวันอาทิตย์อีสเตอร์ ความหวังได้เกิดขึ้นแล้วครับ ความหวังที่แท้จริงพบในพระเยซูคริสต์ เพราะพระองค์ทรงเป็นขึ้นจากความตายในวันอาทิตย์อีสเตอร์
จะเกิดอะไรขึ้นครับ พี่น้องเคยหมดหวัง สิ้นหวังมั้ยครับ หรือบางคนมาที่นี่เช้านี้กำลังอยู่ในสภาพหมดหวังกับบางสิ่งอยู่ กับบางคนอยู่ก็เป็นไปได้ครับ พระเจ้ากำลังพูดกับท่านอยู่
เมื่อเราหมดหวัง สิ้นหวัง เมื่อสิ่งที่เราเคยคาดหวังไว้ พังทลาย ไม่สามารถเป็นไปตามที่เราหวังไว้ เมื่อสามีภรรยาหมดหวังแล้วที่จะรักษาชีวิตแต่งงาน พ่อแม่ที่ไม่เอาแล้วกับลูกที่เป็นวัยรุ่น ผู้นำที่หมดหวังแล้วกับทีมงานที่เขาดูแล บางคนอาจกำลังหมดหวังกับตนเอง เราไม่มีค่าเพียงพอ ไม่ดีพออีกแล้ว หลายคนก็เป็นนะครับ บ่ายนี่พระเจ้าอยากจะพูดกับคุณคนนั้นครับ
สภาวะภายในจิตใจที่เคยมีสันติสุข ความพึงพอใจ ความพอเพียงถูกแทนที่ด้วยสภาวะอารมณ์ที่เป็นพิษ สับสน อับอาย วิตกกังวล ผิดหวัง บางคนหดหู่ อยู่คนเดียว และเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะมีสุขภาพจิตวิญญาณ จิตใจ อารมณ์และความสัมพันธ์ที่แข็งแรงเมื่อเราถูกครอบงำไปด้วยความสิ้นหวัง
เมื่อผู้คนหมดหวัง สิ้นหวัง พวกเขาจะสูญเสียความสามารถที่ฝันถึงอนาคต ความสิ้นหวังแทนที่ความชื่นชนยินดี ความกลัวมาแทนที่ความเชื่อ ความวิตกกังวลมาอยู่แทนที่คำอธิษฐาน ความไม่มั่นคงมาแทนที่ความมั่นใจ ความฝันของวันพรุ่งนี้ถูกแทนที่ด้วยฝันร้ายของวันนี้ และเป็นชีวิตที่น่าหดหู่และรัดทน
ลองจินตนาการ ในขณะที่เราสิ้นหวัง มีคนสองคนกำลังเดินเข้ามาหาเรา คนหนึ่งเต็มไปด้วยความหวัง กำลังใจ กับอีกคนหนึ่งที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง คนไหนครับที่เราอยากจะใช้เวลาด้วย ? จะเกิดอะไรขึ้นครับ ถ้าคนๆนั้นที่เต็มเปื่ยมไปด้วยความหวังเข้ามาในชีวิตของเรา แค่เพียงครั้งเดียว เพียงชั่วขณะกระพริบตา บรรยากาศจะเปลี่ยนทันที ความพ่ายแพ้จะทำให้มองในมุมของชัยชนะ สิ่งที่ยากจะกลับกลายเป็นสิ่งที่มีความเป็นไปได้ จิตใจที่กล้ามาแทนที่ความกลัว กำลังความเข้มแข็ง มาขับไล่การหมดแรงสิ้นพลัง ความหวังจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ
พระคัมภีร์เช้านี้ วันอาทิตย์พระเยซูเป็นขึ้นจากความตาย อาทิตย์อีสเตอร์ พระคัมภีร์บันทึกถึงอีสเตอร์แรก เป็นอีสเตอร์แรกแห่งความหวัง หญิงที่หมดหวัง หมดสิ้นแล้วทั้งชีวิต มาพบกับผู้หนึ่งที่เต็มไปด้วยความหวัง และเพียงแค่เสี้ยววินาทีที่พระองค์ทรงปรากฏในชีวิตที่สิ้นหวังของเธอ เปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง
เกิดอะไรขึ้นในเช้ามืดวันอีสเตอร์แรก แล้วการพบกับพระเยซูคริสต์ หลังจากที่พระองค์เป็นขึ้นจากความตายสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างไร โดยเฉพาะกับหญิงคนนี้
ก่อนที่เราจะฟังพระคำพระเจ้าให้เราร่วมใจกันอธิษฐานครับ
“พระเจ้าผู้ทรงพระคุณ โปรดประทานหัวใจที่ถ่อม ยินดีรับการสอน และใจที่เชื่อฟัง ในขณะที่ลูกรับการเปิดเผยและสำแดงจากพระคำของพระองค์โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ขอทรงประทานกำลังที่ลูกจะสามารถกระทำตามสิ่งที่พระองค์ทรงเปิดเผยและสำแดง ให้เป็นจริงในชีวิตของลูก ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน”
[Slide 2]
ในข้อที่ 1
“1วันอาทิตย์เวลาเช้ามืด มารีย์ชาวมักดาลามาถึงอุโมงค์ฝังศพและเห็นว่าหินที่ปิดปากอุโมงค์นั้นถูกยกออกไปแล้ว”
มารีย์ ชาวมักดาลา และสาวกของพระเยซูทุกคนต่างอยู่ในสภาพ ขวัญกระเจิง หวาดกลัวและสิ้นหวัง พระอาจารย์ของพวกเขา พระเยซูคริสต์สิ้นพระชนม์แล้วที่ไม้กางเขนในบ่ายวันศุกร์ ถูกฝังไว้ในอุโมงค์ฝังศพอย่างรีบเร่ง เพราะว่าตกเย็นจะเข้าสู่วันสะบาโตของยิว ช่วงวันสะบาโตต้องหยุดเว้นจากการทำงาน ข้อ 1 เช้ามืดวันอาทิตย์ วันอาทิตย์ สำหรับยิวแล้วคือวันเริ่มต้นการทำงานของสัปดาห์ ดังนั้นพอเช้ามืด นางมารีย์ มักดาลาก็รีบจะไปที่อุโมงค์ฝังพระศพ เข้าใจว่านำสมุนไพร สิ่งที่จำเป็นในการทำศพของพระเยซู รีบกลับไปจัดพระศพให้เรียบร้อย
นางมาด้วยความสิ้นหวังครับ มารีย์ชาวมักดาลา คนนี้เป็นใครครับ มักดาลา เป็นชื่อเมืองที่อยู่ในกาลิลีนะครับ เราทราบจากพระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า พระเยซูทรงช่วยขับผี 7 ตนออกจากเธอ (ลูกา 8:2, มาระโก 16:9) พี่น้องที่รักครับ คนที่ถูกผีเข้า จะมีอาการทางจิตประสาท อาจจะเปลื่อยกาย ทำร้ายตัวเอง ควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่อาบน้ำ บ่อยครั้งต้องถูกล่ามโซ่ตรวนเอาไว้ อยู่โดดเดี่ยวลำพัง บางคนไปอยู่ในสุสาน ผมเฟ้ารุงรัง นั้นคือชีวิตเก่าของเธอ แต่เมื่อพระเยซูรักษาเธอให้หายดี ชีวิตเธอก็มีแต่พระเยซู เธอติดตามเป็นสาวกพระเยซู และอยู่ในกลุ่มสตรีที่ติดตามพระเยซู เธอใช้จ่ายเงินส่วนตัวในการติดตามพระองค์ พระเยซูคริสต์คือทั้งหมดที่เธอมี ชีวิตเธออุทิศให้กับพระองค์
ขอเรียกนางมารีย์ สั้นๆ แทนมารียชาวมักดาลานะครับ ผมไม่ได้หมายถึงนางมารีย์ที่เป็นมารดาของพระเยซูนะครับ
พระเยซูไม่อยู่แล้ว สิ้นพระชนม์แล้ว ความหวังเดียวในชีวิตเธอจบลงแล้ว สาวกทอดทิ้งพระเยซู ปฎิเสธพระเยซู มารีย์และพวกผู้หญิงคนอื่นอยู่พระเยซูที่โค่นกางเขน พวกเธอเห็นพระเยซูถูกนำไปฝังที่อุโมงค์ พวกเธอเห็นพระศพของพระองค์ถูกวางไว้ในอุโมงค์ พระเยซูที่ช่วยเธอไว้ ให้ชีวิตกับเธอ จากไปแล้ว เธอไม่มีใครให้ตามอีกแล้ว
เช้าวันนี้ เธอมาด้วยใจที่แตกสลาย เธอมาเพื่อที่จะทำภาระกิจสุดท้ายให้กับพระเยซูคือ จัดการศพให้เรียบร้อย ด้วยสมุนไพรและเครื่องเทศที่พระศพ และผมเชื่อเหลือเกินว่า เธออยากจะไปอยู่ใกล้พระเยซูให้นานที่สุด แม้ว่าจะเป็นพระศพก็ตาม ไม่แปลกที่พระคัมภีร์บันทึกว่าเธอเอาแต่ร้องไห้ เมื่อพบว่าพระศพของพระเยซูหายไป ในข้อ 11 หลังจากที่กลับมาจากการวิ่งไปบอกเปโตรกับสาวกที่พระเยซูรัก (ซึ่งเชื่อกันว่าคือยอห์นที่เขียนพระกิตติคุณ) แล้วกลับมาใหม่ที่อุโมงค์ฝังศพ สาวกผู้ชายทั้งสองคนก็กลับบ้านไปแล้ว
“11ส่วนมารีย์ยังยืนร้องไห้อยู่นอกอุโมงค์ ...”
แม้แต่พระศพก็หายไป ใจเธอคิดได้แต่เพียงอย่างเดียวคือ มีคนเอาพระศพไป และเธอต้องการหาให้เธอ เพราะเธอรักภักดีของเธอที่มีพระเยซูคริสต์ ส่วนเปโตรกับสาวกที่พระเยซูรัก กลับบ้านไปแล้ว พี่น้องที่รักครับ ในค่ำคืนที่พระเยซูถูกจับกุมตัว สาวกทั้งหมดต่างละทิ้งพระอาจารย์ของพวกเขาด้วยความกลัว เปโตรพยายามตามไปห่างๆ และลงเอยด้วยการพ่ายแพ้ต่อการทดลอง ความกลัว ปฎิเสธพระเยซูสามครั้ง
พบความหวังในพระคริสต์ 3 ประการ
[Slide 3]
รับความรักจากพระคริสต์ (ข้อ 15)
เราขอบคุณพระเจ้าสำหรับอีสเตอร์ เพราะพระเยซูทรงเป็นขึ้นแล้วจากความตาย เราจึงสามารถรับความรักจากพระองค์ได้ คนที่ตายไปแล้วเขาสำแดงความรักกับเราไม่ได้แล้วครับ
พระเยซูทรงรักนางมารีย์ ทรงรักทราบถึง จิตใจที่บอบช้ำของนางมารีย์ที่แสวงหาพระศพของพระองค์ นางมารีย์แสวงหาพระเยซูคริสต์จากแดนคนตาย แต่พระเยซูคริสต์อยู่แดนคนเป็นแล้ว ตามสดุดีพยากรณ์ไว้
มารีย์แสวงหาพระเยซู แม้จะหาผิดที่ แต่พระเยซูทรงรักเธอ ทรงสำแดงพระองค์กับเธอเป็นคนแรก ในขณะที่สาวกเอกที่เหลืออยู่ต่างหลบซ่อนตัวด้วยความกลัว ปฏิเสธพระเยซูด้วยความกลัว นางมารีย์ไม่เคยปฎิเสธพระเยซูเลย อยู่กับพระเยซูที่โค่นกางเขนด้วย พี่น้องเห็นอะไรมั้ยครับ ความรักภักดีที่เธอมีต่อพระเยซูคริสต์
พระเยซูตรัสถามเธอว่า “หญิงเอ๋ย ร้องไห้ทำไม?” ผมจินตนาการว่า พระองค์คงจะพูดกับนางมารีย์ด้วยเสียงที่อ่อนสุภาพ ด้วยความเป็นห่วง ในสภาวะจิตใจที่เธอกำลังเผชิญอยู่ ใจที่แตกสลาย พี่น้องครับ พระเยซูก็กำลังพูดกับเราด้วยครับ พี่น้องที่ฟังอยู่ ตอนนี้สิ้นหวัง หมดหวัง อาจจะเป็นการแต่งงาน หรืออะไรก็แล้วแต่
บ่ายวันนี้ พระเยซูพูดกับพี่น้องคนนั้นครับ “หญิงเอ๋ย ร้องไห้ทำไม?” เราสัมผัสความรัก ความห่วงใยจากพระเยซูผู้ทรงเป็นขึ้นแล้วจากความตาย ได้มั้ยครับ”
“หญิงเอ๋ย ร้องไห้ทำไม?”
“หญิงเอ๋ย ร้องไห้ทำไม?”
“หญิงเอ๋ย ร้องไห้ทำไม?”
ตอนแรกนางมารีย์เข้าใจว่าพระเยซูที่ยืนอยู่ต่อหน้าเธอคือคนทำสวน มีบางอย่างที่ล้ำลึกเกินความเข้าใจของเรานะครับ ร่างกายใหม่ที่เป็นขึ้นจากความตาย มีบางอย่างที่ทำให้เธอจำพระเยซูไม่ได้
เธอจึงทึกทักเอาว่าน่าจะเป็นชายคนนี้แน่ๆเลยที่เอาพระศพ พระเยซูที่เธอรักไป เธอยังไม่หยุดที่จะแสวงหาพระเยซูจากแดนคนตาย บอกว่าเอาพระศพไปไว้ที่ไหน บอกเธอด้วย เธอจะตามไปรับกลับคืนมา
เธอยังคงไม่ลดละความพยายามที่จะตามหา สาวกสองคนที่ตอนแรก ที่วิ่งมาดู ต่างรีบกลับบ้านตัวเอง คงยังกลัวอยู่ อยู่นานไม่ได้ พี่น้องเห็นความแตกต่างตรงนี้มั้ยครับ
ข้อที่ 16 งดงามมากครับ พระเยซูรู้ว่าเธอจำไม่ได้ ประโยคที่สอง เรียกชื่อเธอเลย “มารีย์เอ๋ย” ทันทีที่เธอได้ยินพระเยซูเรียกชื่อของเธอ เธอจำเสียงได้เลย นี่คือพระเยซูที่เธอตามหา แกะคุ้นเคยกับเสียงผู้เลี้ยง เธอต้องพบพระเยซูในแดนคนเป็น ไม่ใช่ตามหาพระองค์ในแดนคนตาย ฮาเลลูยา ขอบคุณพระเจ้า
มารีย์จำได้เลย เรียกเลยว่า “รับโบนี” อาจารย์ อาจารย์ พระองค์อยู่นี่เอง จนพระเยซูต้องบอกนางว่า “อย่าหน่วงเหนี่ยวเราไว้ เพราะเรายังไม่ได้ขึ้นไปหาพระบิดาของเรา...”
นางมารีย์ เมื่อพบพระคริสต์ในแดนคนเป็น เธอเปลี่ยนจากสิ้นหวัง เป็นความสุข ชื่นชมยินดี พระเยซูอันเป็นที่รักของเธออยู่ที่นี่แล้ว จนพระเยซูต้องบอกว่า อย่าหน่วงเหนี่ยวเราไว้ 
ประการที่ 1 นะครับ รับความรักจากพระเยซู บ่ายนี้พระเยซูเป็นห่วงเรานะครับ พูดกับเราว่า “หญิงเอ๋ย เธอร้องไห้ทำไม? และที่สำคัญที่สุด พระเยซูทรงเป็นผู้เลี้ยงที่ดีครับ ทรงเรียกชื่อแกะของพระองค์ เลยครับ เหมือนที่ทรงเรียก มารีย์เอ๋ย บ่ายนี่พระเยซูก็กำลังเรียกชื่อเราอยู่นะครับ พระองค์รู้จักแกะของพระองค์ทุกคน
อีสเตอร์ ความหวังในพระคริสต์ รับความรักจากพระเยซู ทรงห่วงใยเรา ทรงรู้จักเราดีที่สุด ทรงเรียกชื่อของเรา
[Slide 4]
รับตัวตนใหม่ในพระคริสต์ (ข้อ 17)
[Slide 5]
“17พระเยซูตรัสกับนางว่า “อย่าหน่วงเหนี่ยวเราไว้ เพราะเรายังไม่ได้ขึ้นไปหาพระบิดาของเรา แต่จงไปหาพวกพี่น้องของเรา และบอกเขาว่าเรากำลังจะขึ้นไปหาพระบิดาของเราและพระบิดาของพวกท่าน ไปหาพระเจ้าของเราและพระเจ้าของพวกท่าน
พี่น้องที่รักครับ หลังจากพระเยซูเป็นขึ้นจากความตาย มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญครับในชีวิตของเราที่เป็นผู้เชื่อ ผ่านทางการไถ่ของพระเยซูคริสต์ในวันศุกร์ประเสริฐที่ไม้กางเขน
เราได้รับ Identity หรือตัวตนใหม่ครับ พระเยซูเรียกเราว่า เป็นพี่น้องของพระเยซู ก่อนหน้านี้ พระเยซูเรียกสาวกของพระองค์ว่า คนรับใช้ เป็นเพื่อน แต่หลังจากสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์นี้ เราเป็นพี่น้องกับพระเยซูครับ เราเป็นลูกพระเจ้าด้วยครับ พระเยซูพูดว่า เรากำลังจะขึ้นไปหาพระบิดาของเรา และพระบิดาของพวกท่านด้วย และ พระเจ้าของเรา และ เป็นพระเจ้าของพวกท่าน
วันนี้ ในความสิ้นหวัง หมดหวัง เพราะตัวตน เรามีปัญหาใช่มั้ยครับ เพราะเราเอาตัวตนของเราไปฝากกับสิ่งอื่นที่ไม่ใช่พระเยซูคริสต์ เวลาเราเอาตัวตนเราไปฝากกับอาชีพการงาน เรารู้สึกภูมิใจที่เราทำงานที่นี่ เงินเดือนสูงๆ วันที่เราสิ้นหวังคือวันที่เราตกงานใช่มั้ยครับ วันที่เราเกษียรณใช่มั้ยครับ
ถ้าเราเอาตัวตนเราไปผูกกับสามี ภรรยาหรือลูกของเรา วันที่เกิดการหย่าร้าง ลูกๆหนีออกจากบ้าน ไม่เชื่อฟังเรา ไม่เป็นไปอย่างที่เราคาดคิด เราสิ้นหวัง ใช่มั้ยครับ เราหมดหวังใช่มั้ยครับ
พี่น้องครับ เราจะไม่ต้องสิ้นหวัง หมดหวังครับ ถ้าเราตระหนักความจริงที่พระเยซูหยิบยื่น ตัวตนใหม่ให้กับเราในวันอาทิตย์อีสเตอร์แรก ที่พระองค์เป็นขึ้นจากความตาย เราเป็นพี่น้องกับพระคริสต์ เราเป็นลูกพระเจ้า พระเจ้าของพระคริสต์ เป็นพระเจ้าของเราด้วย อาเมนมั้ยครับ จะไม่มีสิ่งใด แย่งชิง ความมั่นคงที่สุดนี่ไปจากเราได้ ถึงเราจะตกงาน จะเผชิญการหย่าร้าง โรคร้าย ความสัมพันธ์ เรายังเป็นลูกพระเจ้า เรายังเป็นพี่น้องกับพระคริสต์ อาเมนนะครับ
[Slide 6]
รับมิชชั่นใหม่ในพระคริสต์ (17)
[Slide 7]
“17พระเยซูตรัสกับนางว่า “อย่าหน่วงเหนี่ยวเราไว้ เพราะเรายังไม่ได้ขึ้นไปหาพระบิดาของเรา แต่จงไปหาพวกพี่น้องของเรา และบอกเขาว่าเรากำลังจะขึ้นไปหาพระบิดาของเราและพระบิดาของพวกท่าน ไปหาพระเจ้าของเราและพระเจ้าของพวกท่าน”
เมื่อเราพบพระเยซู จะนำเราไปประกาศข่าวดี พระเยซูมอบหมายมิชชั่นให้กับเธอครับ มอบหมายภาระกิจใหม่ให้กับเธอ มิชชั่นเดิมของเธอคือ ตั้งใจจะมาชโลมศพให้เรียบร้อย หลังจากหยุดสะบาโต
แต่พระเยซูบอกว่าไม่ต้องแล้ว เราเป็นขึ้นจากความตายแล้ว ไม่ต้องมาชโลมศพเรา แต่ให้ออกไปประกาศข่าวดี ที่พระเยซูเป็นขึ้นจากความตาย
บางคน เรียกนางมารีย์ ว่าเป็น มารดาของการประกาศข่าวดี เลยครับ
พี่น้องที่รักครับ ข่าวดีของการเป็นขึ้นจากความตายของพระคริสต์คือ การเป็นขึ้นจากความตายของพระเยซู สัญญาว่าจะให้เราอย่างน้อยสองสิ่งด้วยกัน คือ ร่างกายใหม่ แผ่นดินโลกใหม่ ที่ๆไม่มีความบาปและความตาย ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ข่าวดีมั้ยครับ เราจะมีชีวิตที่ครบบริบูรณ์ ตามพระสัญญาพระเจ้าพบในพระคริสต์ รอดพ้นจากคำแช่งสาป บ่วงเวร บ่วงกรรม บึงไฟนรก จากความบาปผิดของเรา เพราะพระคริสต์รับไปหมดสิ้นแล้วที่ไม้กางเขนในวันศุกร์ประเสริฐ
สามประการนะครับ ข่าวดีในวันอาทิตย์อีสเตอร์ พระเยซูเป็นขึ้นจากความตาย ให้อีสเตอร์นี้เป็นความหวังให้กับเรานะครับ พบได้ที่นี่ที่เดียวครับ คือในพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นขึ้นแล้วจากความตาย
รับความรักจากพระคริสต์ หญิงเอ๋ย เธอร้องไห้ทำไม ทรงเรียกชื่อเราด้วยครับ
รับตัวตน อัตลักษณ์ใหม่ในพระคริสต์ เราเป็นพี่น้องที่รักในพระคริสต์ เป็นลูกพระเจ้าพระบิดา เป็นพระเจ้าของเรา
รับมิชชั่นใหม่จากพระคริสต์ พบพระคริสต์ ต้องออกไปประกาศข่าวดีครับ จงไปบอกกับพี่น้องของเรา
[Slide 8]
คริสเตียนหลายคนดำเนินชีวิตแบบนางมารีย์ คือตามหาพระเยซูที่ตายไปแล้ว ไม่พบพระเยซูผู้เป็นขึ้นจากความตาย บางคนไม่เชื่อเรื่องการเป็นขึ้นจากความตาย หรือขาดความเข้าใจ ชีวิตเขาจึงยังอยู่ที่อุโมงค์ฝังศพ ความตายยังเป็นคำตอบสุดท้ายของเขาอยู่
วันนี้เราดำเนินชีวิตแบบที่พระเยซูตายไปแล้วเมื่อสองพันกว่าปีที่แล้ว หรือเราจะดำเนินชีวิตแบบที่พระเยซูทรงเป็นขึ้นจากความตายแล้ว ขอพระวิญญาณบริสุทธิ์เปิดเผยและสำแดงกับเรา เพื่อที่เราจะดำเนินชีวิตใหม่อย่างมีความหวัง และตามแผนการน้ำพระทัยพระเจ้าในชีวิตของเ
เราจะดำเนินชีวิตอยู่ภายใต้ความกลัว ความวิตกกังวล ความหดหู่สิ้นหวังเหมือนอย่างสาวกของพระองค์ในเวลานี้ หรือเราจะเลือกเป็นแบบนางมารีย์มักดาลา ที่พบพระคริสต์ผู้เป็นขึ้นจากความตายในชีวิตของเธอ และเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งในชีวิตของเธอ
ให้เราร่วมใจกันอธิษฐานครับ
****
Related Media
See more
Related Sermons
See more